Thursday, January 4, 2007

บทบาทภาครัฐกับ E-Commerce

เนื่องจากการทำธุรกิจดังกล่าวมีการแข่งขันกันร้อนแรง ส่วนใหญ่อยู่ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยเป็นไปได้ที่คู่ค้าอาจไม่เคยรู้จักติดต่อกันมาก่อน ปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากภาครัฐได้แก่ แผนกลยุทธ์การค้าอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ เพื่อมิให้เสียเปรียบเชิงการค้าในระดับโลก โครงสร้างการสื่อสารที่ดีและเพียงพอ กฎหมายรองรับข้อมูลและหลักฐานการค้าที่ไม่อยู่ในรูปเอกสาร ระบบความปลอดภัยข้อมูลบนเครือข่ายและระบบการชำระเงิน E-Government เป็นอีกมิติหนึ่งของการให้บริการภาครัฐออนไลน์ที่จะเอื้อให้ธุรกิจ ประชาชน ติดต่อใช้บริการ ในกรอบบริการงานแต่ละด้านของส่วนราชการต่าง ๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทยให้บริการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์แก่สถาบันการเงิน กรมทะเบียนการค้าให้บริการจดทะเบียนการค้า เป็นต้น นอกจากนี้ การทำ E-Procurement เพื่อการจัดซื้อจัดหาภาครัฐก็เป็นบริการที่ควรดำเนินการ เพราะจะช่วยให้เกิดความโปร่งใส และเป็นไปตามกรอบนโยบายของที่ประชุมเอเปคด้วย

ความปลอดภัยกับ E-Commerce

ระบบความปลอดภัยนับเป็นเรื่องที่โดดเด่นที่สุด และมีเทคโนโลยีความปลอดภัยคือ Public Key ซึ่งมีองค์กรรับรองความถูกต้องเรียกว่า CA (Certification Authority) ระบบนี้ใช้หลักคณิตศาสตร์คำนวณรหัสคุมข้อความจากผู้ส่งและผู้รับอย่างเฉพาะเจาะจงได้ จึงสามารถพิสูจน์ตัวตนของผู้รับผู้ส่ง (Authentication) รักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Confidentiality) ความถูกต้องไม่คลาดเคลื่อนของข้อมูล (Integrity) และผู้ส่งปฏิเสธความเป็นเจ้าของข้อมูลไม่ได้ (Non-repudiation) เรียกว่าลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการมีกฎหมายรองรับการทำธุรกรรมบนเครือข่าย ประเทศในยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายรับรองการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ และกฎหมายรองรับการทำธุรกิจดังกล่าว สำหรับในประเทศไทยก็เร่งจัดการออกกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ 6 ฉบับ โดยกฎหมาย 2 ฉบับแรกที่จะออกใช้ได้ก่อนคือ กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และกฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์

การแบ่งประเภทสินค้า(Categories)
สำหรับแพคเกจ ecommerce นั้นสามารถเลือกลักษณะของการแบ่งประเภทสินค้าได้เอง ซึ่งมีให้เลือกถึง 6 รูปแบบ กล่าวคือการแสดงรูปแบบสินค้าของแต่ละประเภท สามารถที่จะเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะสินค้าของท่านได้
รายละเอียดของสินค้า(Products)รายละเอียดสินค้า สามารถเลือกแสดงได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งขนาด น้ำหนัก ราคา ค่าขนส่ง และรายละเอียดสินค้า ท่านสามารถแก้ไขรายละเอียดต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มความสะดวกในการปรับปรุงราคา หรือรายละเอียดต่าง ๆ ให้สินค้าของท่านได้อย่างง่ายดาย และสามารถเลือกให้สินค้าแต่ละอันนั้น อยู่ในกลุ่มประเภทสินค้า(Categories) ได้มากกว่า 1 ประเภท เช่น แจกันไม้ อาจอยู่ทั้งในประเภทสินค้าที่ทำจากไม้ และสินประเภทสินค้าตกแต่งบ้าน ได้ทั้ง 2 ประเภท ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าของท่าน ผ่านทางหน้าเว็บเพจให้กับลูกค้า

ตระกร้าสินค้า(Shopping Cart)
ท่านสามารถเลือกการชำระเงินเป็นสกุลเงินแบบต่าง ๆ ที่จะใช้ในหน้าเว็บเพจของท่านได้เอง และยังรองรับการทำงานของระบบ 2 ภาษาไว้ด้วย

ค่าขนส่ง (Shipping Cost)
นอกจากนี้ยังสามารถที่จะเลือกค่าขนส่ง (Shipping Cost) โดยแบ่งออกเป็น Zone ต่าง ๆ ตามลักษณะการบริการของบริษัทที่รับขนส่งสินค้าทั่วไป เพื่อเพิ่มความสะดวกในการคำนวณค่าใช้จ่าย และการบริการขนส่งสินค้าให้กับสินค้าของท่านอีกด้วย

การชำระค่าสินค้า (Payment)
การชำระค่าสินค้านั้นสามารถ เลือกวิธีรับชำระเงินได้หลายวิธี เช่นการรับชำระผ่านบัตรเครดิต (Credit Card Online Payment) หรือ การโอนเงินผ่านทางธนาคาร(Money Tranfer) วิธีส่งเช็ค หรือเก็บเงินปลายทาง
การชำระเงินผ่านบัตรเครดิต มี 2 รูปแบบคือ

ใช้ Merchant
ส่วนตัวกับธนาคาร กรณีนิติบุคคล หรือบริษัท ท่านสามารถขอรับบริการได้จากธนาคาร ไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงเทพ หรือธนาคารเอเชีย ซึ่งการอนุมัติขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของทางธนาคาร โดยทั่วไปมักจะมีการเรียกเก็บค่าบริการต่อ 1 Transaction ประมาณ 3-5 %ซึ่งมีข้อดีคือ เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของท่านในวันรุ่งขึ้น

ใช้ Merchant
ร่วมกรณีบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล อาจเลือกใช้ระบบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต VISA,MASTER CARD ของ บริษัท โพลาร์ เว็บแอปพลิเคชั่น จำกัด โดยธนาคาร เอเชีย จำกัด (มหาชน) ได้ทันที โดยที่ท่านไม่ต้องติดต่อกับทางธนาคาร ซึ่งมีค่าใช้จ่ายปีละ 2,900 บาท และมีการเรียกเก็บค่าบริการ 4% ของยอดเงินชำระผ่านบัตรเครดิต โดยจำนวนเงินรวมของเดือนนี้ จะถูกโอนเข้าบัญชีของท่านในวันที่ 10 ของเดือนถัดไป

No comments: